ครูบาเจ้าศรีวิชัยตอบเรื่อง “ธรรมอานิสงส์ศีล” ตั้งแต่ปี ๒๔๗๔

พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ไว้ว่าศาสนาจะตั้งอยู่ได้ก็เพราะพระมหากษัตริย์เป็นพุทธศาสนูปถัมภ์ ท่านจึงได้ฝาก ศาสนาไว้กับพระมหากษัตริย์ ถ้าพระมหากษัตริย์และเจ้าเมือง พร้อมด้วยเสนาอํามาตย์ราษฎรทั้งหลายพากันไป รักษาศีล ๕ และทําบุญใส่บาตร ฟังธรรมที่วัดทุกวันและยึดมั่นในศีลเป็นลําดับไปแล้ว ก็จักได้อานิสงส์ คือ ความสุข ในปัจจุบันทันตา ดังนี้

๑. เมื่อนอนหลับก็เป็นสุข
๒. เมื่อตื่นก็เป็นสุข
๓. เมื่อฝันก็ฝันดีไม่ร้าย
๔. มีชื่อเสียงเล่าลือไปทั่วทิศานุทิศว่าเป็นผู้มีเมตตาจิต ใจเป็นศีลใจบุญ ๕. เป็นที่รักแก่คนและเทวดาทั้งหลาย

๖. แม้นจักบ่ายหน้าไปสู่ทิศใด เทวดาตามรักษา บันดาลให้มีผู้อุปถัมภ์มิให้ลําบาก ๗. แม้นเข้าในที่ประชุมชนหมู่ใด ก็เป็นผู้มีความกล้าหาญองอาจในการเจรจา
๘. ไม่มีศัตรูคิดอาฆาตทําร้ายได้
๙. ไม่มีความสะดุ้งตกใจกลัวต่อภัยอันตรายสิ่งใด

๑๐. เป็นผู้ปราศจากทุกข์ ไม่มีคดีถ้อยคําเกิดขึ้นเลย
๑๑. เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ มีหน้าตาเบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ทุกเมื่อ
๑๒. ไม่มีความเศร้าโศกเสียใจและมีอายุยืน
๑๓. มีปีติเอิบอิ่มอยู่ในใจว่า ได้ทําความดีไว้เป็นที่พึ่งแก่ตัวแล้ว
๑๔. เป็นผู้ที่ทําใจให้บริสุทธิ์ คือเป็นเทวดา หับ (ปิด) ประตูอบายไว้แล้ว
๑๕. ยามเมื่อจะตาย ก็มีสติดี ไม่มีความสะดุ้งตกใจเลย อันนี้เป็นอานิสงส์เฉพาะตัวอานิสงส์ ส่วนประเทศ

บ้านเมืองได้รับต่อไปอีกด้วย
๑๖. ประชาชนพลเมืองทั้งหลายก็ได้เป็นสามัคคีกลมเกลียว เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
๑๗. พวกอันธพาลสันดานหยาบ เห็นหมู่ประชาชนทั้งหลายเป็นผู้ใจศีลใจบุญ ไม่มีใครคนค้าสมาคมด้วย

คิดละอายขวยเขินขึ้นในใจ ไม่อาจจะเป็นพาลต่อไป ก็จักกลับใจเป็นพลเมืองดี มีศีลธรรมต่อไป ๑๘. ความก้าวร้าวเบียดเบียนกันก็ไม่มี
๑๙. โจรผู้ร้ายก็สงบ
๒๐. ฝนตกชอบตามฤดูกาล

๒๑. พืชข้าวกล้าก็งอกงามบริบูรณ์
๒๒. ปราศจากภัยพิบัติ คือ น้ําไม่ท่วม ไฟก็ไม่ไหม้ โรคห่าทั้งหลายก็ไม่มี
๒๓. พลเมืองทั้งหลายก็มีความสุขสบาย
๒๔. เมื่อประเทศบ้านเมืองอยู่เย็นเป็นสุขแล้ว นานาชาติก็ไม่มาราวีรบกวนได้ ๒๕. พระมหากษัตริย์และเจ้านาย ผู้ปกครองประเทศบ้านเมืองก็มีความสุขสบาย

การปฏิบัติรักษาศีล ๕ เป็นบันไดขั้นต่ํา เบื้องต้นของพระพุทธศาสนา มีอานิสงส์ให้ได้รับความสุขในปัจจุบัน ประจักษ์แจ้งแก่ตา ครั้นตายแล้วก็ได้ขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ ครั้นจุติจากสวรรค์ก็ได้ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ มีรูปอันงาม มีปัญญา เฉลียวฉลาด มีทรัพย์สมบัติมาก มีอายุยืน มีเมียมีลูกมีหลาน ก็ว่านอนสอนง่าย ไม่มีศัตรูเบียดเบียนได้ และเป็นปัจจัย ให้มีความสุขไปตราบถึงพระนิพพาน

ผู้ที่รักษาศีล ๘ จะได้รับความสุขในปัจจุบันมากกว่าศีล ๕ ขึ้นไปอีก คือ ไปนอนอยู่ที่วัด เป็นกายวิเวก จิตวิเวก สงบอารมณ์ ปราศจากความพยาบาท จองเวร ถีนมิทธะ ปราศจากความง่วงเหงาหาวนอน อุทธัจจะ ปราศจากความฟุ้งซา่ น รําคาญใจ ไม่มีสิ่งใดมารบกวน วิจิกิจฉา ปราศจากความสงสัยในพระธรรมคําสั่งสอนแล้ว คือ ไปอบรมทําใจให้บริสุทธิ์ แยบคายเสมอดั่งพรหม ครั้นว่าตายก็ได้ขึ้นไปเกิดบนชั้นพรหม มีความสุขและอายุยืนยิ่งกว่าชั้นสวรรค์ เวลาจุติก็ได้มา เกิดเป็นมนุษย์ในตระกูลสูง มีรูปโฉมอันงดงาม มีปัญญาเฉลียวฉลาด อายุยืน มียศ มีบริวาร มีอํานาจมาก

ผู้ใดถือศีล ๕ ได้มั่นเที่ยงแล้ว ผู้นั้นได้เป็นอุบาสก อุบาสิกาในพุทธศาสนา เป็นผู้มีปัญญา เกิดมามิเสียชาติ เป็นผู้ฉลาดนําความสุขมาใส่ตัว ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ทั้งมวล แก้วมณีโชติของพระยาจักพรรดิ์ ผู้เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ทั้งปวง และเครื่องของขัตติยนารีทั้งหลาย มีแก้วแหวนเงิน ทองคํา เป็นต้น เป็นของบํารุงตัณหา กามคุณ เหมือนดั่งน้ําผึ้งแช่ยาพิษ สําหรับนําความทุกข์มาใส่ตัว โดยไม่มีประโยชน์สิ่งใดเลย น้ําแม่คงคา ยมมุนา อจิรวดี มหิ มหาสรภู ซึ่งเป็นแม่น้ําใหญ่ทั้ง ๕ แม่น้ํา แม้นจักเอามาอาบให้หมดสิ้นทั้ง ๕ แม่นี้ ก็ไม่อาจจะล้างบาป คือ ความเดือดร้อนภายในให้หายได้ และฝนลูกเห็บ แม้นจะตกมาร้อยห่าให้เย็นและหนาวสักปานใดก็ดี ก็ไม่อาจจะ เย็นเข้าไปถึงภายในให้หายความทุกขเวทนาได้…..

ศีล ๕ เป็นอริยทรัพย์ เป็นต้นของความบริสุทธิ์ เป็นน้ําทิพย์สําหรับล้างบาป คือ ความเดือดร้อนภายใน ให้หายได้ เป็นบันไดแก้ว สําหรับก่ายขึ้นไปอยู่สวรรค์ สมดั่งพระบาลีว่า

“สีเลนะ สุคติงยันติ” …ศีลให้เป็นที่จําเริญไปด้วยความสุข…
“สีเลนะ โภคะสัมปทา” …ศีลให้เป็นที่จําเริญไปด้วยโภคทรัพย์ทั้งมวล…
“สีเลนะ นิพพุติงยันติ” …ศีลทําประโยชน์ให้มีความสุขไปตราบถึงนิพพาน อันเป็นความสุขอย่างยิ่งได้แท้จริง… “ตัสสมา สีลัง วิโสทะเย” …เหตุนั้นศีลเป็นของดีวิเศษยิ่งนัก หาอันใดจักเปรียบไม่ได้… สมดั่งพุทธภาษิตว่า…
“อัพพยา ปัชชัง สุขัง โลเก” …ความไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน เป็นความสุขในโลก…
พระธรรมคําสั่งสอนคือ ศีล ๕ เป็นธงไชยเฉลิมโลก ถ้ามนุษย์ทั้งหลายพากันถือศีล ๕ ได้ทั้งโลก มนุษย์และ

สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีในโลกก็มีความสุข ธรรมก็มีความจําเริญ โลกกับธรรมถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน…
ดังนี้แล้ว แผ่นดินโลกก็จักได้กลายเป็นแผ่นดินเมืองสวรรค์ (แผ่นดินธรรมแผ่นดินทอง) น้ําตาของมนุษย์อัน เป็นทะเลนองท่วมโลกมาแล้วแต่ก่อน ก็จักเหือดแห้งหายไป สมดั่งภาษิตว่า ให้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประเทศบ้านเมืองจะมีความสุข ความจําเริญ อันความรักชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ ก็คือผู้ที่มั่นอยู่ในศีล ๕ นี้แล

ถ้าผู้ไม่มีศีล ๕ กับตนแล้ว ก็แปลว่าเป็นผู้ล้มชาติ ขุดขุมฝังตัวไว้ในชาตินี้เสียแล้ว จะไปติโทษผู้ใด
ปุถุชนทั้งหลาย อย่าได้สงสัยว่า พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะบําเพ็ญอย่างใด ก็ไม่ได้ถึงมรรคผลและ นิพพานนั้น ความจริงพระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว จึงได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อท่านถึงนิพพานไปแล้ว ผู้ที่ปฏิบัติ

ถูกต้องตามพระธรรมคําสั่งสอน ก็ได้เป็นอรหันต์ ได้ถึงนิพพานเหมือนกัน
ถ้าผู้ใดเล็งเหน็ ว่า พระธรรมคําสงั่ สอนเป็นความจรงิ บริสุทธิ์ ผู้นนั้ ย่อมเล็งเห็นพระพุทธเจ้าได้ทุกเมื่อ แม้นว่าท่าน

ยังทรมานอยู่ก็ดี ผู้ใดมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องธรรม ก็ไม่อาจจะพ้นจากทุกข์ได้

ข้อปฏิบัติที่จะให้พ้นทุกข์ได้ ก็คือรักษาศีลบริสุทธิ์เสียก่อน ความตั้งมั่นก็จะมีขึ้น

เพราะฉะนั้น ปุถุชนทั้งหลาย ผู้แสวงหาความสุขใส่ตัว จงพากันรักษาศีลให้บริสุทธิ์เถิด เมื่อศีลบริสุทธิ์แล้ว สมาธิความตั้งมั่นก็จักเกิดมีมาแล้วให้ปลูกปัญญาๆก็หากจักเกิดมีขึ้นให้หมั่นระลึกถึงตนอยู่บ่อยๆว่ามิใชต่ัวตน เป็นธาตุทั้ง ๔ ขันธ์ ๕ ทั้งอาการ ๓๒ โสโครก เป็นตัวทุกข์ตัวแก่ ตัวเจ็บ ตัวตาย มิใช่ตัวอันจักตามไปในโลกหน้า ให้เห็นแจ้ง ด้วยปัญญาของตนเองแน่นอนลงไปแล้ว จึงเป็นสมุจเฉทปหาน กิเลสหมดแล้ว จักเป็นวิมุติ หลุดพ้นจากความทุกข์ ได้เป็นอรหันต์จริง

“อเสวนา จ พาลานํ” สภาวะอันได้รู้จักพาลภายใน คือ โลภ โกรธ หลง ซึ่งเป็นต้นแห่งความทุกข์แล้ว ไม่ได้ ซ่อมเสพคบหากับมันก็ดี

“บัณฑิตา นัญจะ เสวนา” สภาวะอันไปเสพไปคบหากับบัณฑิตนักปราชญ์ คือ ให้ฟังธรรม คําสั่งสอนแห่งพระพุทธเจ้า จนได้รู้จักพาลภายในอันเป็นต้นเหตุแห่งบาปก็ดี

“ปูชา จ ปูชนิยานํ” กิริยาอันได้ไหว้และบูชายังพระพุทธเจ้าก็ดี
“เอตํติวิทะ กัมมํ ” อันว่ากรรม ๓ ประการนี้
“มังคละ” ก็ป็นมงคล “อุตตะมํ อันอุดมดี”
ความดังกล่าวมานี้ พระพุทธเจ้าไปบําเพ็ญสร้างบารมีมาได้ ๔ อสงไขยปลายแสนมหากัปป์ จึงได้ตรัสรู้ธรรมวิเศษ

รู้ต้นเหตุที่เกิดทุกข์ รู้เหตุที่บรรเทาทุกข์ รู้เหตุที่ดับทุกข์ รู้ทางปฏิบัติที่สู่ที่ดับทุกข์แล้ว ได้นํามาเทศนาให้มนุษย์ทั้งหลาย ได้รู้ถี่เห็นแจ้งดังนี้ มิใช่ของที่จะพบได้ด้วยง่าย ๆ เมื่อใดผู้ที่ไม่มีบุญ ไม่เคยได้บําเพ็ญมาแต่ชาติก่อนแล้ว ก็บ่ห่อนว่าจะพบ ได้เลย เมื่อได้เกิดมาพบคําสั่งสอนอันเป็นความจริงบริสุทธิ์ ที่จะนําตนให้พ้นทุกข์ได้ดังนี้ ก็เป็นมหาลาภอันประเสริฐแล้ว

เพราะว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายอันเป็นทรัพย์ภายนอกที่จะเอาไปไม่ได้นั้น ยังพากันเร่งขวนขวายหาทั้งกลาง วัยกลางคืนนี้ ได้มาพบพระธรรมคําสั่งสอนที่แนะนําให้ผู้ปฏิบัติตาม ได้พ้นจากทุกข์ ในบัดนี้ไปตราบถึงนิพพานเป็น อริยทรัพย์ สําหรับติดตามไปทุกชาติ ประเสริฐกว่าทรัพย์สมบัติอันมีในโลกนี้หมื่นเท่าแสนเท่า ดังนี้ ก็เป็นโอกาส อันดีวิเศษสําหรับในชั่วชีวิตนี้ ซึ่งจะหาโอกาสดีอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว

เมื่อเวลายังอยู่สบายนี้ ไม่ควรจะถือว่ายังเป็นเด็กหนุ่มน้อย ถ้าแก่มาแล้วจึงค่อยทําบุญนั้น เป็นผู้มีความประมาท คิดผิด เพราะตามีหน้าดูหน้าไม่เห็น พญามัจจุราชไม่มีความกรุณาใคร ไม่ว่าหนุ่มแก่ แม้อยู่ในห้องมันก็เอา หนุ่มมัน ก็เอา แก่มันก็เอา ไม่ประมาทลาสา เพราะตนรู้สึกว่าจะต้องตาย หนีความตายไม่พ้นแล้ว มีปัญหาว่าจะป้องกันอย่างไร ไม่ให้มีความเศร้าโศกเสียใจ เมื่อความตายจะมีถึง ควรจะพากันรักษาศีล ทําบุญให้ทานเป็นที่พึ่งแก่ตนไว้เสียเมื่อก่อนเฒ่า เพื่อไม่ให้เสียทีที่ได้เกิดมาพบพระพุทธศาสนาที่ดีแล้ว ไม่ให้มีความแคล้วคลาดกินแหนงใจ เมื่อภายหลังนั้นเกิด กล่าวด้วย อานิสงส์ศีลสําเร็จแต่เท่านี้แล ฯ

106

อย่านําสรีระสังขารของครูบาเจ้าศรีวิชัยเข้าไปในวัด

แชร์องค์ความรู้ครูบาเจ้าศรีวิชัยให้กับเพื่อนๆ

thไทย