ข้อวัตรปฏิบัติ

วัตรปฏิบัติตามแนวทางครูบาเจ้าศรีวิชัย ถือเป็นกุศโลบายในการรักษาสมดุลขององค์ประกอบพระพุทธศาสนา ที่มีแกนหลัก ๕ ด้าน ประกอบด้วย

  1. ศาสนธรรม
  2. ศาสนบุคคล
  3. ศาสนพิธี
  4. ศาสนสถาน
  5. ศาสนวัตถุ

ด้านศาสนสถาน และด้านศาสนวัตถุ ถือเป็นเครื่องส่งเสริมยึดเหนี่ยวจรรโลงจิตใจให้ฝักใฝ่ธรรมได้ประการหนึ่ง อานิสงส์ของการสร้างวิหาร หรือการให้ทานด้วยวิหารนั้นจัดอยู่ในประเภท “อาวาสทาน” อันประกอบด้วยอาคาร พุทธสถานที่อยู่ภายในวัด เช่น วิหาร หอไตร โบสถ์ ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ ฯลฯ อาวาสทานนี้ถือเป็นอิสระกว่า ทานทั้งปวงในฝ่ายพระสูตร ตรงกันข้ามกับ “จีวรทาน” ถือเป็นทานอันประเสริฐในฝ่ายพระวินัย บุคคลใดถวาย อาวาสทานแด่สงฆ์ สมเด็จพระศาสดาจารย์ตรัสว่า

“บุคคลนั้นได้ชื่อว่าให้ซึ่งอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณอันประเสริฐ ผู้ให้วิหารนั้นจักได้เสวยยิ่ง ซึ่ง บริโภคสมบัติทั้งหลายอันเป็นที่รื่นรมย์ใจในภพชาติทั้งปวง”

ครูบาเจ้าศรีวิชัยเป็นผู้มีศีลาจารวัตรที่งดงามและเคร่งครัด งดการเสพ หมาก เมี่ยง บุหรี่ โดยสิ้นเชิง งดฉัน เนื้อสัตว์ตั้งแต่อายุ ๒๖ ปี และฉันอาหารเพียงมื้อเดียว ซึ่งมักเป็นผักต้มใส่เกลือกับพริกไทเล็กน้อย บางทีก็ไม่ฉันข้าว ทั้ง ๕ เดือน คงฉันเฉพาะลูกไม้หัวมันเท่านั้น นอกจากนี้ท่านยังงดฉันผัก เรียงตามวันทั้ง ๗ คือ

  • วันอาทิตย์ ไม่ฉันฟักแฟง
  • วันจันทร์ ไม่ฉันแตงโมและแตงกวา
  • วันอังคาร ไม่ฉันมะเขือ
  • วันพุธ ไม่ฉันใบแมงลัก
  • วันพฤหัสบดี ไม่ฉันกล้วย
  • วันศุกร์ ไม่ฉันเทา (อ่านว่า “เตา” เป็นสาหร่ายน้ําจืดชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายเส้นผม มีสีเขียว)
  • วันเสาร์ ไม่ฉันบอน

รวมถึงผักที่ท่านไม่ฉัน คือ ผักบุ้ง ผักปลอด ผักเปลว ผักหมากขี้กา ผักจิก และ ผักเฮือดผักอี้ (ใบไม้เสียบอ่อน) โดยท่านให้เหตุผลว่า

“ถ้าพระภิกษุและสามเณรรูปใดงดเว้นได้ การบําเพ็ญกัมมัฏฐานจะเจริญก้าวหน้า ผิวพรรณจะเปล่งปลั่ง ธาตุทั้ง ๔ จะเป็นปกติ หากชาวบ้านงดเว้นได้ จะทําให้การถือคาถาอาคมดีนัก”

ครูบาเจ้าศรีวิชัยมีความปรารถนาที่จะบรรลุธรรมะอันสูงสุด ดังปรากฏจากคําอธิษฐานบารมีที่ท่านอธิษฐาน ไว้ว่า “ตั้งปรารถนาขอซื้อได้ถึงธรรมะยึดเหนี่ยวเอาพระนิพพานสิ่งเดียว” และมักจะปรากฎความปรารถนา ดังกล่าว ในตอนท้ายของคัมภีร์ใบลานที่ท่านสร้างไว้ทุกเรื่อง

แชร์องค์ความรู้ครูบาเจ้าศรีวิชัยให้กับเพื่อนๆ

thไทย