ระหว่างที่ครบาขัตติยะ จําพรรษาอยู่ที่บ้านปาง เด็กชายอินท์เพื่อนได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์ และเมื่ออายุได้ ๑๘ ปี ได้ขอบรรพชาเป็นสามเณรที่อารามแห่งนี้ โดยมีครูบาขัตติยะเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจาก ๓ ปีต่อมา (พ.ศ. ๒๔๔๒) สามเณรอินท์เพื่อน มีอายุย่างเข้า ๒๑ ปี ก็ได้เข้าอุปสมบทในอุโบสถวัดบ้านโฮ่งหลวง อําเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลําพูน โดยมีครูบาสมณะ วัดบ้านโฮ่งหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายานามว่า “สิริวิชโยภิกขุ” มีนามบัญญัติว่า พระศรีวิชัย ในบางครั้งเขียนเป็น สรีวิไชย สีวิไช หรือสรีวิชัย
เมื่ออุปสมบทแล้ว สิริวิชโยภิกขุก็กลับมาจําพรรษาที่อารามบ้านปางอีก ๑ พรรษา จากนั้นได้ไปศึกษากัมมัฏฐาน และวิชาอาคมกับครูบาอุปละ วัดดอยแต อําเภอแม่ทา จังหวัดลําพูน ต่อมาได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของครูบาวัดดอยคําอีกด้วย และอีกท่านหนึ่งที่ถือว่าเป็นครูของครูบาเจ้าศรีวิชัย คือ ครูบาสมณะ วัดบ้านโฮ่งหลวง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน
ครูบาเจ้าศรีวิชัย ได้รับการศึกษาจากครูบาอุปละ วัดดอยแต เป็นเวลา ๑ พรรษา แล้วกลับมาอยู่ที่อาราม บ้านปาง จนถึง พ.ศ. ๒๔๔๔ (พรรษาที่ ๔ อายุได้ ๒๔ ปี) ครูบาขัตติยะ ได้จาริกออกจากบ้านปางไป (บางข้อมูล บันทึกว่ามรณภาพ) ครูบาเจ้าศรีวิชัยจึงรักษาการแทนในตําแหน่งเจ้าอาวาส และเมื่อครบพรรษาที่ ๕ ก็ได้เป็นเจ้าอาวาส วัดบ้านปาง จากนั้นก็ได้ย้ายวัดไปยังสถานที่ที่เห็นว่าเหมาะสม คือ บริเวณเนินเขา ซึ่งเป็นที่ตั้งวัดบ้านปางในปัจจุบัน เพราะเป็นสถานที่สงบและสามารถปฏิบัติธรรมได้เป็นอย่างดี โดยได้ให้ชื่อวัดใหม่แห่งนี้ว่า วัดจอมสลีสีทรายมูล บุญเรือง แต่ชาวบ้านทั่วไปยังนิยมเรียกว่าวัดบ้านปาง ตามชื่อของหมู่บ้าน